อภิสิทธิ์ ปปปปป
วันจันทร์ที่ 29 พฤษภาคม พ.ศ. 2560
test
เมื่อพูดถึงผู้พันฮาร์แลนด์ เดวิด ซานเดอร์ คงจะนึกถึงใครไม่ได้ นอกจากชายแก่ร่างท้วมใส่สูทสีขาวอยู่หน้าร้านขายไก่ทอดชื่อดัง "เคเอฟซี" (KFC หรือ Kentucky Fried Chicken) ไม่น่าเชื่อเลยว่าสูตรลับในการปรุงไก่ทอดที่ออกมาเป็นที่นิยมในปัจจุบันนั้น กลับถูกปฏิเสธจากร้านอาหารต่างๆ มามากถึง 1,009 ครั้ง ก่อนจะประสบความสำเร็จในท้ายที่สุด
แซนเดอส์เกิดเมื่อวันที่ 9 กันยายน ค.ศ. 1890 ที่เฮนรีวิล รัฐอินดีแอนา สหรัฐอเมริกา โดยเขาเป็นลูกชายคนโตจากลูกทั้ง 3 คนของ วิลเบอร์ เดวิด แซนเดอส์ กับ มาร์กาเร็ท แอน แซนเดอส์ พ่อของแซนเดอส์ได้เสียชีวิตลงตั้งแต่เขาอายุเพียง 5 ปี แซนเดอส์ได้อาศัยอยู่กับแม่มาโดยตลอดและได้เรียนรู้วิธีทำอาหารจากแม่ที่ต้องทำอาหารเลี้ยงน้องๆของเขา แซนเดอส์มีฝีมือด้านการทำอาหารมาก เขาสามารถชนะเลิศการประกวดทำอาหารประจำหมู่บ้านเมื่อมีอายุเพียง 7 ปีเท่านั้น แต่ด้านการเรียนของเขาอาจไม่ราบรื่นนักเมื่อเขาต้องออกจากโรงเรียนกลางคันโดยเรียนไม่จบ
วันแรกของการเกษียณอายุ เขาได้รับเช็คเงินประกันสังคมฉบับแรกของเขา เป็นเงิน 105 ดอลลาร์ พร้อมกับความรู้สึกที่ไม่อยากมีชีวิตต่อบนโลกนี้ (อีกแล้ว)
เขานั่งลงใต้ต้นไม้หลังบ้านพร้อมกระดาษและดินสอหนึ่งแท่ง ตั้งใจจะเขียนพินัยกรรม แต่มีบางอย่างดลใจให้เขาเขียนสิ่งที่จะทำให้ประสบความสำเร็จแทน เนื่องจากเขาไม่เคยประสบความสำเร็จอะไรเลย สิ่งที่เขาคิดได้คือ เขามาความสามารถในการปรุงอาหารที่เขาฝึกฝนมาทั้งชีวิต เขาลุกจากเงาไม้ มุ่งหน้าไปยังธนาคารในเมือง เพื่อขอยืมเงินจำนวน 87 ดอลลาร์จากเช็คประกันสังคมฉบับต่อไปของเขาด้วยเงิน 87 ดอลลาร์นั้น เขาซื้อกล่องเปล่าและไก่จำนวนหนึ่ง
เมื่อย่างก้าวเข้าสู่วัย 40 เขาก็เริ่มทำงานในด้านที่เขาถนัด นั่นก็คือการทำอาหาร โดยเขาได้เป็นพ่อครัวทำอาหารอยู่ในรัฐเคนทักกี ซึ่งที่นั่นเขาก็ประสบความสำเร็จเมื่อผู้คนชื่นชอบอาหารฝีมือของเขา จนเขาสามารถออกมาเปิดร้านอาหารเป็นของตนเองได้ และในอีก 9 ปีต่อมา เขาก็คิดค้นไก่ทอดสูตรลับขึ้นมาได้สำเร็จ โดยมีเครื่องปรุงเป็นเครื่องเทศต่างๆถึง 11 ชนิด ซึ่งได้รับความนิยมอย่างกว้างขวางจนแซนเดอส์ได้รับการแต่งตั้งจากผู้ว่าการรัฐเคนทักกีให้เป็นถึง พันเอก ฮาร์แลนด์ เดวิด แซนเดอส์ ในปี ค.ศ. 1935
เขาย้อมหนวดและเคราเป็นสีขาว เข้ากับสีผมและเสื้อผ้า และนั่นเป็นเอกลักษณ์ที่ทุกคนจำได้ ในวัย 65 ปี ไก่ทอดเคนตั๊กกี้ได้ก่อตัวขึ้นในรูปบริษัท เป็นครั้งแรก โดยผู้ก่อตั้งคือผู้พันแซนเดอร์ส ร้านอาหารหลักของเขาก็ประสบปัญหาล้มเหลวอีกครั้ง เนื่องจากเกิดถนนสายระหว่างรัฐที่ 75 (Interstate 75) ทำให้คนไม่เดินทางผ่านถนนท้องถิ่นเดิม มาที่ร้านของเขา เมื่อเกิดวิกฤติ มีคนมากินอาหารน้อยลง เขาได้ใช้เงิน $105 จากเงินสวัสดิการเกษียณอายุ (Social Security check) ใบแรก เพื่อใช้เป็นค่าใช้จ่ายการเดินทางไปเยี่ยมผู้ซื้อแฟรนไชส์ของเขา และนี่อาจเป็นข้อดีที่ทำให้เขาหันมาทำกิจการแฟรนไชส์เครือข่ายร้านอาหารอย่างจริงจัง แม้วัยของเขาจะเข้าสู่วัยสูงอายุแล้ว ในปี ค.ศ. 1964 ผู้พันแซนเดอร์สได้ขายกิจการ ไก่ทอดเคนตั๊กกี้ให้แก่ กลุ่มนักลงทุนมืออาชีพที่มีJack Massey และ John Y. Brown Jr. เป็นแกนนำ และเพื่อรักษาไก่ทอดเคนตั๊กกี้ ให้คงคุณภาพและรสชาติแบบดั้งเดิม จึงมีการเปิดศูนย์ฝึกอบรมแห่งชาติของ KFC ขึ้นในปีค.ศ. 1978 โดยมีผู้พันแซนเดอร์สเป็น ผู้ตรวจสอบการรักษารสชาติ ของไก่ทอดเป็นหม้อแรก จากพีท ฮาร์แมน ผู้ที่ได้แฟรนไชส์เป็นรายแรก
ซ๊อตสร้างแรงบันดาลใจ
“จุดพลิกผัน” ที่เป็นการเปลี่ยนแปลงครั้งสำคัญในชีวิตของผู้พันแซนเดอร์สเกิดขึ้นในวัย 65ปี เมื่อเขาคิดทบทวนและพบว่างานที่ผ่านมาไม่ใช่ตัวตนที่แท้จริงเลย ซึ่งน่าจะเป็นสาเหตุที่ทำให้เขาไม่ประสบความสำเร็จ แท้ที่จริงแล้ว เขามีความสุขกับการทำอาหารต่างหาก จากนั้น จึงมุ่งมั่นกับการเป็นพ่อครัวในร้านกาแฟแห่งหนึ่ง ต่อมา ก็ได้คิดค้นไก่ทอดสูตรพิเศษที่กลายมาเป็น “ไก่ทอดเคเอฟซียอดนิยม” ในปัจจุบัน (แบรนด์ KFC มีมูลค่าสูงถึง 5 พันล้านเหรียญสหรัฐ จาก Interbrand)
อย่างไรก็ตาม ใช่ว่าความสำเร็จจะเกิดขึ้นเพียงชั่วข้ามคืน หลังจากคิดค้นสูตรได้แล้ว ผู้พันแซนเดอร์สต้องเดินไปเคาะประตูบ้านและร้านอาหาร เพื่อนำเสนอไก่ทอด แต่กลับถูกปฏิเสธถึง 1,009 ครั้ง และในครั้งที่ 1,010 นั่นเองที่ไก่ทอดของเขาได้รับการยอมรับ ซึ่งเป็นจุดเริ่มต้นของร้านเคเอฟซีแห่งแรกของโลก ณ รัฐเคนตั๊กกี้ สหรัฐอเมริกา และด้วยรสชาติอันยอดเยี่ยมของไก่ทอดที่ปรุงด้วยสมุนไพรและเครื่องเทศสูตรพิเศษ 11 ชนิด คุณภาพของอาหารที่ปรุงสดใหม่ โดยเฉพาะไก่ที่ปราศจากฮอร์โมนเร่งโตหรือสารปรุงแต่ง และกระบวนการผลิตที่ได้มาตรฐานทุกขั้นตอน ทำให้ไก่ทอดเคเอฟซีได้รับความนิยมและขยายสาขาไปอย่างกว้างขวางทั่วโลกนับจากนั้นเป็นต้นมา
สิ่งที่ผู้พันแซนเดอร์มีมาตลอดชีวิตคือ “ความไม่ย่อท้อ” ต่ออุปสรรคและความล้มเหลวต่างๆ ซึ่งจริงๆ แล้วความสำเร็จเกิดขึ้นได้ไม่ยาก ถ้าเริ่มจาก
“เปลี่ยนวิธีคิด และค้นหาสิ่งที่ชอบ” มองปัญหาเป็นเพียง “บททดสอบ” ที่จะสร้าง “ภูมิคุ้มกันให้กับชีวิต” ทำให้เราแข็งแกร่ง จากนั้น ค้นหาสิ่งที่ชอบ เหมือนที่ผู้พันแซนเดอร์สมี ‘Passion for Food’ ค้นพบว่าตัวเองชอบทำอาหาร จึงสามารถสร้างสรรค์ไก่ทอดสูตรต้นตำรับเคเอฟซีที่โด่งดังไปทั่วโลก
“สนุกกับทุกๆ ด้านของชีวิต” เมื่อค้นพบสิ่งที่ชอบแล้ว จงมุ่งมั่นและสนุกกับการตามฝัน รวมถึงด้านอื่นๆ ของชีวิต เพราะจะทำให้เกิดพลังมหาศาลที่จะนำไปสู่ความสำเร็จได้ไม่ยาก เหมือนที่เรามักเห็นรอยยิ้มของผู้พันแซนเดอร์ส ตลอดเวลา เรียกได้ว่ามี ‘Passion for Life’ ยิ้มสู้ทุกปัญหา
“เป็นตัวของตัวเอง” เราจะทำสิ่งต่างๆ ได้ดี ถ้าสิ่งนั้นเป็นอะไรที่ออกมาจากใจและตัวตนที่แท้จริง หรือ ‘Originality’ นั่นเอง
ใครก็ตามที่ท้อแท้ ลองมองผู้พันแซนเดอร์สเป็น “ไอดอล” ถ้ารู้สึกว่าอายุมากเกินกว่าที่จะเริ่มต้นใหม่ ลองดูว่าเราอายุถึง 65 ปีแล้วหรือยัง และหากถูกปฏิเสธมาแล้วหลายต่อหลายครั้ง ลองนับดูว่าถึง 1,009 ครั้ง แล้วหรือไม่ ถ้าคำตอบคือ “ไม่” ลองถามตัวเองดูอีกครั้งว่า “ทำไมจะล้มเลิก จะทิ้งฝันไปง่ายๆ หรือ”
ความล้มเหลวเป็นเพียงอีกรสชาติหนึ่งของชีวิต และสิ่งที่อยู่ระหว่างทาง ความสำเร็จต่างหากคือ เป้าหมายที่ต้องไปให้ถึง ชีวิตเริ่มต้นใหม่ได้เสมอ ต่อให้ล้มเป็นพันครั้ง ขอเพียงมีความมุ่งมั่น ”ความสำเร็จ” ก็อยู่ไม่ไกล
เราทุกคนย่อมมีเป้าหมายในชีวิต ไม่ว่าจะเป็นเรื่องเรียน ความรัก อาชีพที่ใฝ่ฝัน และเชื่อว่าทุกคนต้องมี “ไอดอล” ที่ยึดเป็นแบบอย่างเพื่อสร้างแรงบันดาลใจในการตามฝันให้สำเร็จ…แต่ระหว่างทางสู่เป้าหมายอาจต้องพบเจออุปสรรคและความผิดหวัง เจอบ่อยครั้งก็พาลทำให้ล้มเลิกความตั้งใจไป ซึ่งเป็นเรื่องน่าเสียดาย…ทำอย่างไรที่จะไม่ให้อุปสรรคเหล่านั้นมาบั่นทอนกำลังใจ ใครที่จะตอบได้ว่าต้องล้มเหลวกี่ครั้งถึงจะประสบความสำเร็จ…บางครั้ง เคล็ดไม่ลับสู่ความสำเร็จที่ส่งต่อกันจากรุ่นสู่รุ่นอาจจะมาจากบุคคลระดับโลกที่เราคุ้นเคย
วันอาทิตย์ที่ 28 พฤษภาคม พ.ศ. 2560
นายขนมต้ม
ประวัตินายขนมต้ม
นายขนมต้ม (พ.ศ. 2293 — ?) เป็นนักมวยคาดเชือกชาวกรุงศรีอยุธยา เกิดที่ตำบลบ้านกุ่ม อำเภอบางบาล จังหวัดพระนครศรีอยุธยา[1] เป็นบุตรนายเกิด และนางอี่ มีพี่สาวชื่อนางเอื้อย[2] ทั้งพ่อแม่และพี่ถูกพม่าฆ่าตายหมด และต้องไปอยู่วัดตั้งแต่เล็ก นายขนมต้มถูกพม่ากวาดต้อนไปเชลยในระหว่างเสียกรุงศรีอยุธยาครั้งที่ 2
สมัครสมาชิก:
ความคิดเห็น (Atom)